1.1 ความหมายของ Tense
Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา
2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )
ในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
1.2 ชนิดของ Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบันแต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
Present Tense | Past Tense | Future Tense |
1. Present Simple Tense | 1. Past Simple Tense | 1. Future Simple Tense |
2. Present Progressive Tense | 2. Past Progressive Tense | 2. Future Progressive Tense |
3. Present Perfect Tense | 3. Past Perfect Tense | 3. Future Perfect Tense |
4. Present Perfect Progressive Tense | 4. Past Perfect Progressive Tense | 4. Future Perfect Progressive Tense |
1.3 โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อยมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
Present Tense | Past Tense | Future Tense |
1. S + V.1 | 1. S + V.2 | 1. S + will , shall +V.1 |
2. S + is ,am , are + V.1 เติม ing | 2. S + was , were + V.1 เติม ing | 2. S + will, shall + be + V.1 เติม ing |
3. S + have , has + V.3 | 3. S + had + V.3 | 3. S + will , shall + have , has + V.3 |
4. S + have , has + been + V.1 เติม ing | 4. S + had + been + V.1 เติม ing | 4. S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing |
S ย่อมาจาก Subject หมายถึง ประธานของประโยค
V.1 ย่อมาจาก Verb 1 หมายถึง กริยาช่องที่ 1
V.2 ย่อมาจาก Verb 2 หมายถึง กริยาช่องที่ 2
V.3 ย่อมาจาก Verb 3 หมายถึง กริยาช่องที่ 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น